เช็กแบตเตอรี่รถยนต์ด้วยตนเองง่ายๆ 3 วิธีดังนี้

แบตเตอรี่รถยนต์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของรถยนต์ ก่อนออกเดินทางไกลควรเช็กแบตเตอรี่รถยนต์เสียก่อน เพื่อป้องกันปัญหารถสตาร์ทไม่ติดหรืออาการกวนใจอื่นๆ ระหว่างทาง การเช็กแบตเตอรี่รถยนต์สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

1.เช็กแบตเตอรี่ว่ามีอายุการใช้งานนานเท่าไหร่แล้ว สำหรับแบตเตอรี่ที่มีอายุไม่ถึง 1 ปี มีโอกาสที่จะเสื่อมสภาพน้อยมาก ส่วนแบตเตอรี่ที่มีอายุมากกว่า 1 ปี ควรได้รับการเช็กสภาพอย่างสม่ำเสมอ

2.ตรวจเช็กระดับน้ำกลั่น ตามประเภทของแบตเตอรี่ โดยแบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่นควรเช็กทุกๆ 1 เดือน แบบกึ่งแห้งควรเช็กทุกๆ 6-12 เดือน

3.เช็กสภาพแบตเตอรี่เบื้องต้นผ่านช่องตาแมวแบตเตอรี่ โดยสังเกตสีที่แตกต่างกันของช่องตาแมว แบตเตอรี่แต่ละลูกจะมีสีที่บอกสถานะแบตที่ต่างกัน สามารถศึกษาคำอธิบายได้จากสติ๊กเกอร์บนตัวแบตเตอรี

หรือหากไม่สะดวกตรวจเช็กด้วยตัวเอง แนะนำให้นำรถยนต์เข้าไปเช็กแบตเตอรี่ด้วยเครื่องวัดแบตเตอรี่ที่ศูนย์บริการซ่อมบำรุงรถยนต์หรือร้านเช็คซ่อม ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่จะบอกสถานะของแบตเตอรี่ได้อย่างแม่นยำที่สุด เมื่อช่างทำการตรวจสอบแบตเตอรี่ด้วยเครื่องวัดแบตเตอรี่ ก็จะได้สลิปกระดาษที่บอกข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับแบตเตอรี่ ดังนี้ 

  • ค่าแรงดันไฟฟ้า สามารถดูจาก Volts ในเมนู Battery Test ซึ่งค่าควรมากกว่า 12 V ขึ้นไป ถือว่าแบตเตอรี่มีค่าแรงดันไฟฟ้าที่ดี
  • ค่าแรงดันสตาร์ท สามารถดูจาก Volts ในเมนู Starter Test ซึ่งค่าควรมากกว่า 10.30 V ถือว่าแบตเตอรี่มีค่าแรงดันสตาร์ทที่ดี
  • ประสิทธิภาพไดชาร์จ สามารถดูจาก Volts ในเมนู Charging Test ซึ่งค่าควรมากกว่า 13.30 V ถือว่าไดชาร์จยังทำงานได้ดี

ที่ รุ่ง ออโต้ มีบริการตรวจเช็กแบตเตอรี่รถยนต์ ฟรี! ไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถนำรถเข้ามาใช้บริการได้ทุกวันทำการ ตั้งแต่ 08.30-18.00 น.

Visitors: 4,509